นวนิยายจีนขนาดยาวอิงชีวประวัติบุคคลในประวัติศาสตร์จีนช่วงปลายสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกถึงสมัยสามก๊กชุดนี้เล่าถึงจูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) ตัวละครหนึ่งที่โดดเด่นในวรรณกรรมสามก๊ก ในภาพลักษณ์ผู้ใฝ่รู้หลายแขนงวิชา หลักแหลม สุขุมคัมภีรภาพ รุ่มรวยคารมคมคาย วิถีชีวิตแสนสามัญ การเดินเรื่องสลับฉากไปมาระหว่างพัฒนาการของความสัมพันธ์ต่างๆ และบริบทแวดล้อม เช่น ผู้คนในครอบครัว เพื่อน คนรัก ไปจนถึงเหล่านักรบ ขณะที่บรรยากาศบ้านเมืองห่มไว้ด้วยข่าวคราวศึกสงครามระหว่างทัพ กองศพ และขบวนผู้เร่ร่อน
ยรั่วซีปะติดปะต่อข้อมูลทางประวัติศาสตร์เข้ากับมิติตื้นลึกหนาบางของตัวละครหลัก ซึ่งเขาใช้เวลาค้นคว้านานนับสิบปี ถ่ายทอดให้เห็นมิติความเป็นมนุษย์อย่างลึกซึ้ง เช่น ความคิด ความรู้สึกต่างๆ อย่างมีที่มาที่ไป สัมพันธ์ไปกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันวิจิตรและสถานการณ์สงครามเข่นฆ่าผู้คนอย่างสะเทือนขวัญ โดยเฉพาะเหตุการณ์ผลัดแผ่นดิน ผู้อ่านจึงอาจได้รับทั้งอรรถรสและรับรู้เค้าโครงประวัติศาสตร์ช่วงนั้นในคราวเดียวกัน ส่วนอารมณ์ของผู้อ่านก็อาจขึ้นลงตามเหตุการณ์ที่ตัวละครเผชิญ ราวกับนั่งอยู่บนไหล่ของเขาทั้งหลาย
อดีตของเด็กชายวัยกระเต๊าะถูกถ่ายทอดเรื่องราวผ่านความทรงจำที่สุดแสนสนุกสนานปนความโศกเศร้าเคล้าน้ำตา จูกัดเหลียงเติบโตขึ้นจากปัญญา เขาจึงเป็นบุรุษผู้มากด้วยความเฉลียวฉลาดลึกล้ำ ความคิดอันหลักแหลมของเขาเริ่มฉายแววตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยจากริมรั้วบ้านเกิดสู่โลกแห่งความเป็นจริง
จูกัดเหลียงต้องดิ้นรนต่อสู้จากการพลัดพรากถิ่นแคว้นแดนกำเนิดกลายเป็นผู้คนร่อนเร่ยังต่างแดนเพื่อหลบเลี่ยงสงครามที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในชั่วอึดใจจากการโจมตีเพื่อยึดดินแดนของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ในปฐพี โจโฉ แม้เป็นช่วงยุคมืดที่มีแต่สงครามความสูญเสีย แต่สายสัมพันธ์ที่เป็นดั่งแสงสว่างของครอบครัวจูกัดกลับไม่เคยเลือนหาย ทว่าชีวิตช่างไม่จีรัง ไม่ใครหนีความเปลี่ยนแปลงพ้น เขาจึงต้องก้าวผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายที่พบพานให้ได้ ความพลิกผันในชีวิตทำให้ชายผู้นี้แข็งแกร่งดุจหินผาทั้งปัญญาและรูปกาย
ทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกจากปากจูกัดเหลียง มักเกิดความน่าอัศจรรย์ทางวาจาอันปราดเปรื่องเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปรัชญาในแบบฉบับของผู้เขียนที่ทำให้ผู้อ่านขบคิดตาม อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของปราชญ์ผู้นี้หาใช่ศาสตราวุธไม่ หากคือปัญญาที่สุดแสนคมกริบราวใบมีดต่างหากเล่า